เราจำเป็นจะต้องดูแลพ่อแม่หรือให้เงินพ่อแม่ใช้ยามท่านแก่ชราหรือไม่

พอดีไปเห็นผู้หญิงคนนึงในคลิป TIKTOK พูดถึงกรณีที่ถ้าเราไม่โอนเงินให้พ่อแม่ตอนท่านโทรมาขอ เราจะเนรคุณไหม 
เราเองก็ไม่รู้นะว่าเนรคุณไหม  แต่สำหรับเราคิดว่า พ่อแม่ก็คือผู้มีพระคุณและเลี้ยงดูเรามา จะให้น้อยให้มาก พอเรามีหรือพอมีก็ให้ท่านแบบไม่ต้องคิดมากหรือระแวงสงสัยอะไร เพราะเราคงไม่ได้เกิดมาบนโลกนี้เองและเติบโตมาจนประสบความสำเร็จด้วยตนเองเป็นแน่แท้ จริงอยู่ที่บางทีเราได้ดีกว่าพ่อแม่ ได้ทำงานที่ดี  มีเงินมีชื่อเสียง แต่เบื้องหลังจริงๆ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย คือ "พ่อแม่" คงจะไม่มีใครหรอกนะที่เกิดมาแล้วก็หากินเอง  เลี้ยงดูตนเองจนโตมาได้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
มันจะมีกลุ่มเด็กนะ ที่เชื่อว่า พ่อแม่ควรมีลูกเมื่อพร้อม แปลว่า ถ้าเขาเกิดมาลำบาก ก็เป็นเพราะพ่อแม่ทำให้เขาเป็นแบบนี้

ซึ่งโอเค มันอาจจะมีพ่อแม่ที่ ฐานะยากจน แต่ด้วยความรักและธรรมชาติ พวกเขาก็สืบพันธ์กันแล้วเด็กก็เกิด แล้วพอรู้ว่ามีลูกต้องเลี้ยง พวกเขาก็สู้ชีวิตอ่ะ ทำงานไปด้วยเลี้ยงไปดู เป้าหมายคือส่งเสียลูกให้เรียนสูงที่สุด เพื่อเด็กจะได้ดูแลตัวเองได้ หรือเรียกว่ามีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าที่พวกเขาเป็นอยู่
พวกเขาก็พยายามทุ่มสุดตัวในแบบของเขา ในมุมเราแบบนี้คือ เรียกว่าพ่อแม่รับผิดชอบแล้วนะ เป็นพวกที่น่านับถือมาก

แต่มันก็จะมีอิเด็กที่ไม่เข้าใจไง  นั่งไถโซเชียล เอาตัวเองไปเทียบกับความสำเร็จของคนอื่นๆในนั้น แล้วก็มาสร้าง quot  "ทำไมฉันต้องมาลำบากใช้ชิวิตแบบนี้​"  คือเราว่า เด็กพวกนี้อ่ะ คือ loser ที่แท้จริงเลย

ไม่รู้นะ พอดีเราก็เกิดมายากจน อาจจะไม่จนมากขนาดต้องมาจับตั๊กแตนกิน แต่ก็เป็นไรที่พ่อแม่ยังต้องวิ่งเข้าโรงรับจำนำหมุนเงิน กู้ยืมเพื่อส่งลุกเรียน คือพ่อแม่ก็ไม่มีเวลามาดูแลเอาใจใส่หรอก เพราะเขาก็ต้องทำงานหาเงิน เลี้ยงลูก 3 คน คือเราก็โตมาแบบ เช้าออกจากบ้านไปเล่น กลับบ้านเฉพาะตอนหิว แล้วก็ออกจากบ้านใหม่ กลับบ้านมานอน วนๆไป  พอรู้ว่า โอเคบ้านจน เราก็ต้องประหยัดทุกทาง แล้วก็รู้แต่ว่าต้องเรียนๆๆ เพราะคือสิ่งเดียวที่จะเปลี่ยนชิวิตเราได้  ไม่อยากเรียนก็ต้องเรียน เหนื่อยแต่ก็ต้องทำ ไม่เคยเอาชีวิตไปเปรียบเทียบใคร รู้แต่ว่าฉันต้องสู้ ฉันต้องมีเงิน ฉันต้องมีชีวิตที่ดีกว่านี้   สุดท้าย การตั้งใจเรียนมันก็ทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าพ่อแม่มาก  แล้วลูกๆทุกคนก็ช่วยกันทำให้ฐานะทางบ้านดีขึ้น แล้วจากยากจนก็กลับมาร่ำรวย  พอมีเงิน มีเวลา ก็ไม่ลำบากกลับมาดูแลพ่อแม่แล้ว ไม่ใช่เรื่องกตัญญูอะไร แต่มันคือ give and take ต่างหาก ก็มีเงินแล้วนี่ ก็แบ่งๆกันไป  มีเวลามากขึ้นแล้วนี่ ก็ดูแลๆกันไป ชีวิตมันก็มีแค่นี้

ซึ่งเคยถามพ่อแม่ว่าเลี้ยงไง ทำไมลูกไม่เคยดราม่าเปรียบเทียบกับใครเลย พ่อแม่ก็บอก ไม่ค่อยได้เลี้ยงไรนะ  พ่อแม่ยุ่งแต่ทำงานหาเงินจะเอาเวลาไหนมาสอนเรื่องพวกนี้ล่ะ มันเป็นสิ่งที่ลูกๆคิดกันได้เอง (สมัยนั้นมันไม่มี social แล้วฉันจะไปรับข้อมูลอะไรล่ะ นอกจากสนใจแต่ตัวเองว่าต้องได้ดีๆ)

เราเลยว่า social นี่แหล่ะ ข้อมูลบ้าบอ bias ทั้งหลายแหล่ที่ทำให้พวกเด็กๆมีข้ออ้างเข้าข้างตัวเอง จนกลายเป็น loser เองด้วยประการทั้งปวง ...

แต่บางบ้าน พ่อแม่ก็สุดจริงๆนะ ไอ่ประเภท ไข่ไว้ แล้วแยกทาง ปล่อยเด็กโตมากับปู่ย่า เงินก็ไม่ส่ง เราว่าไอ่พ่อแม่พวกนี้ก็สมควรที่ลูกจะ ignore จริงๆ

สรุปมันมีหลายแบบมากเถอะ  แต่ละบ้านก็มีรายละเอียดแตกต่างกันไป ก็คงต้องดูและ judge กันเป็นเคสๆไปน่ะ
ความคิดเห็นที่ 5
เห็นหลายคนหรือหลายที่ใช้คำว่า "กตัญญู" หรือ "ผู้มีพระคุณ"

แต่เราชอบใช้คำว่า "รัก" มากกว่า
เราส่งเงินให้แม่ใช้ทุกเดือน เพราะเรารักแม่ อยากให้แม่ได้กินอาหารดีๆอร่อยๆ อยากให้แม่ได้นอนห้องแอร์สบายๆ อยากให้แม่ได้ใช้ของดีๆ เรากลับไปหาท่านบ่อยๆ เพราะเรารักท่าน เห็นท่ายิ้มท่านหัวเราะร่าเริง เวลามีลูกหลานมาเยี่ยม เราพาท่านไปเที่ยวบ่อยๆ เพราะเห็นท่านชอบที่ได้เดินทาง ได้เปิดหูเปิดตา ที่เราทำแบบนี้มันมาจากความรัก มากกว่าคำว่ากตัญญู หรือเป็นการตอบแทนบุญคุณ

เราทำแบบนี้เพราะเรารักแม่ แค่นั้นเอง ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก
ใครจะไม่รักพ่อ-แม่ของเค้าก็เป็นเหตุผลของเค้าเอง เราไม่ต้องไปเก็บมาคิด

ปล.พ่อเราเสียไปหลายปีแล้ว เหลือแม่คนเดียว
ความคิดเห็นที่ 1
ความคิดแตกต่างเพราะถูกเลี้ยงดูมาต่างกัน พ่อแม่ที่ตั้งใจเลี้ยงดูลูกมาดี ๆ จะได้ลูกที่ต้องการตอบแทนความรักด้วยการเอาใจใส่พ่อแม่ยามแก่ชรา (ไม่เกี่ยวว่ามีเงินมากน้อย) พ่อแม่ที่ไม่ได้เลี้ยงลูกมาหรือไม่ได้ตั้งใจจะมีก็จะได้ลูกที่ป่าวประกาศว่าไม่ได้ขอมาเกิดไม่ดูแลหรอกแก่แล้วก็ไปตามทางแก่เถอะ

โทษใครไม่ได้เลย สังคมมันเป็นเช่นนั้นเอง มีดีก็มาก มีเลวก็ไม่น้อย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่