สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
มันจะมีกลุ่มเด็กนะ ที่เชื่อว่า พ่อแม่ควรมีลูกเมื่อพร้อม แปลว่า ถ้าเขาเกิดมาลำบาก ก็เป็นเพราะพ่อแม่ทำให้เขาเป็นแบบนี้
ซึ่งโอเค มันอาจจะมีพ่อแม่ที่ ฐานะยากจน แต่ด้วยความรักและธรรมชาติ พวกเขาก็สืบพันธ์กันแล้วเด็กก็เกิด แล้วพอรู้ว่ามีลูกต้องเลี้ยง พวกเขาก็สู้ชีวิตอ่ะ ทำงานไปด้วยเลี้ยงไปดู เป้าหมายคือส่งเสียลูกให้เรียนสูงที่สุด เพื่อเด็กจะได้ดูแลตัวเองได้ หรือเรียกว่ามีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าที่พวกเขาเป็นอยู่
พวกเขาก็พยายามทุ่มสุดตัวในแบบของเขา ในมุมเราแบบนี้คือ เรียกว่าพ่อแม่รับผิดชอบแล้วนะ เป็นพวกที่น่านับถือมาก
แต่มันก็จะมีอิเด็กที่ไม่เข้าใจไง นั่งไถโซเชียล เอาตัวเองไปเทียบกับความสำเร็จของคนอื่นๆในนั้น แล้วก็มาสร้าง quot "ทำไมฉันต้องมาลำบากใช้ชิวิตแบบนี้" คือเราว่า เด็กพวกนี้อ่ะ คือ loser ที่แท้จริงเลย
ไม่รู้นะ พอดีเราก็เกิดมายากจน อาจจะไม่จนมากขนาดต้องมาจับตั๊กแตนกิน แต่ก็เป็นไรที่พ่อแม่ยังต้องวิ่งเข้าโรงรับจำนำหมุนเงิน กู้ยืมเพื่อส่งลุกเรียน คือพ่อแม่ก็ไม่มีเวลามาดูแลเอาใจใส่หรอก เพราะเขาก็ต้องทำงานหาเงิน เลี้ยงลูก 3 คน คือเราก็โตมาแบบ เช้าออกจากบ้านไปเล่น กลับบ้านเฉพาะตอนหิว แล้วก็ออกจากบ้านใหม่ กลับบ้านมานอน วนๆไป พอรู้ว่า โอเคบ้านจน เราก็ต้องประหยัดทุกทาง แล้วก็รู้แต่ว่าต้องเรียนๆๆ เพราะคือสิ่งเดียวที่จะเปลี่ยนชิวิตเราได้ ไม่อยากเรียนก็ต้องเรียน เหนื่อยแต่ก็ต้องทำ ไม่เคยเอาชีวิตไปเปรียบเทียบใคร รู้แต่ว่าฉันต้องสู้ ฉันต้องมีเงิน ฉันต้องมีชีวิตที่ดีกว่านี้ สุดท้าย การตั้งใจเรียนมันก็ทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าพ่อแม่มาก แล้วลูกๆทุกคนก็ช่วยกันทำให้ฐานะทางบ้านดีขึ้น แล้วจากยากจนก็กลับมาร่ำรวย พอมีเงิน มีเวลา ก็ไม่ลำบากกลับมาดูแลพ่อแม่แล้ว ไม่ใช่เรื่องกตัญญูอะไร แต่มันคือ give and take ต่างหาก ก็มีเงินแล้วนี่ ก็แบ่งๆกันไป มีเวลามากขึ้นแล้วนี่ ก็ดูแลๆกันไป ชีวิตมันก็มีแค่นี้
ซึ่งเคยถามพ่อแม่ว่าเลี้ยงไง ทำไมลูกไม่เคยดราม่าเปรียบเทียบกับใครเลย พ่อแม่ก็บอก ไม่ค่อยได้เลี้ยงไรนะ พ่อแม่ยุ่งแต่ทำงานหาเงินจะเอาเวลาไหนมาสอนเรื่องพวกนี้ล่ะ มันเป็นสิ่งที่ลูกๆคิดกันได้เอง (สมัยนั้นมันไม่มี social แล้วฉันจะไปรับข้อมูลอะไรล่ะ นอกจากสนใจแต่ตัวเองว่าต้องได้ดีๆ)
เราเลยว่า social นี่แหล่ะ ข้อมูลบ้าบอ bias ทั้งหลายแหล่ที่ทำให้พวกเด็กๆมีข้ออ้างเข้าข้างตัวเอง จนกลายเป็น loser เองด้วยประการทั้งปวง ...
แต่บางบ้าน พ่อแม่ก็สุดจริงๆนะ ไอ่ประเภท ไข่ไว้ แล้วแยกทาง ปล่อยเด็กโตมากับปู่ย่า เงินก็ไม่ส่ง เราว่าไอ่พ่อแม่พวกนี้ก็สมควรที่ลูกจะ ignore จริงๆ
สรุปมันมีหลายแบบมากเถอะ แต่ละบ้านก็มีรายละเอียดแตกต่างกันไป ก็คงต้องดูและ judge กันเป็นเคสๆไปน่ะ
ซึ่งโอเค มันอาจจะมีพ่อแม่ที่ ฐานะยากจน แต่ด้วยความรักและธรรมชาติ พวกเขาก็สืบพันธ์กันแล้วเด็กก็เกิด แล้วพอรู้ว่ามีลูกต้องเลี้ยง พวกเขาก็สู้ชีวิตอ่ะ ทำงานไปด้วยเลี้ยงไปดู เป้าหมายคือส่งเสียลูกให้เรียนสูงที่สุด เพื่อเด็กจะได้ดูแลตัวเองได้ หรือเรียกว่ามีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าที่พวกเขาเป็นอยู่
พวกเขาก็พยายามทุ่มสุดตัวในแบบของเขา ในมุมเราแบบนี้คือ เรียกว่าพ่อแม่รับผิดชอบแล้วนะ เป็นพวกที่น่านับถือมาก
แต่มันก็จะมีอิเด็กที่ไม่เข้าใจไง นั่งไถโซเชียล เอาตัวเองไปเทียบกับความสำเร็จของคนอื่นๆในนั้น แล้วก็มาสร้าง quot "ทำไมฉันต้องมาลำบากใช้ชิวิตแบบนี้" คือเราว่า เด็กพวกนี้อ่ะ คือ loser ที่แท้จริงเลย
ไม่รู้นะ พอดีเราก็เกิดมายากจน อาจจะไม่จนมากขนาดต้องมาจับตั๊กแตนกิน แต่ก็เป็นไรที่พ่อแม่ยังต้องวิ่งเข้าโรงรับจำนำหมุนเงิน กู้ยืมเพื่อส่งลุกเรียน คือพ่อแม่ก็ไม่มีเวลามาดูแลเอาใจใส่หรอก เพราะเขาก็ต้องทำงานหาเงิน เลี้ยงลูก 3 คน คือเราก็โตมาแบบ เช้าออกจากบ้านไปเล่น กลับบ้านเฉพาะตอนหิว แล้วก็ออกจากบ้านใหม่ กลับบ้านมานอน วนๆไป พอรู้ว่า โอเคบ้านจน เราก็ต้องประหยัดทุกทาง แล้วก็รู้แต่ว่าต้องเรียนๆๆ เพราะคือสิ่งเดียวที่จะเปลี่ยนชิวิตเราได้ ไม่อยากเรียนก็ต้องเรียน เหนื่อยแต่ก็ต้องทำ ไม่เคยเอาชีวิตไปเปรียบเทียบใคร รู้แต่ว่าฉันต้องสู้ ฉันต้องมีเงิน ฉันต้องมีชีวิตที่ดีกว่านี้ สุดท้าย การตั้งใจเรียนมันก็ทำให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าพ่อแม่มาก แล้วลูกๆทุกคนก็ช่วยกันทำให้ฐานะทางบ้านดีขึ้น แล้วจากยากจนก็กลับมาร่ำรวย พอมีเงิน มีเวลา ก็ไม่ลำบากกลับมาดูแลพ่อแม่แล้ว ไม่ใช่เรื่องกตัญญูอะไร แต่มันคือ give and take ต่างหาก ก็มีเงินแล้วนี่ ก็แบ่งๆกันไป มีเวลามากขึ้นแล้วนี่ ก็ดูแลๆกันไป ชีวิตมันก็มีแค่นี้
ซึ่งเคยถามพ่อแม่ว่าเลี้ยงไง ทำไมลูกไม่เคยดราม่าเปรียบเทียบกับใครเลย พ่อแม่ก็บอก ไม่ค่อยได้เลี้ยงไรนะ พ่อแม่ยุ่งแต่ทำงานหาเงินจะเอาเวลาไหนมาสอนเรื่องพวกนี้ล่ะ มันเป็นสิ่งที่ลูกๆคิดกันได้เอง (สมัยนั้นมันไม่มี social แล้วฉันจะไปรับข้อมูลอะไรล่ะ นอกจากสนใจแต่ตัวเองว่าต้องได้ดีๆ)
เราเลยว่า social นี่แหล่ะ ข้อมูลบ้าบอ bias ทั้งหลายแหล่ที่ทำให้พวกเด็กๆมีข้ออ้างเข้าข้างตัวเอง จนกลายเป็น loser เองด้วยประการทั้งปวง ...
แต่บางบ้าน พ่อแม่ก็สุดจริงๆนะ ไอ่ประเภท ไข่ไว้ แล้วแยกทาง ปล่อยเด็กโตมากับปู่ย่า เงินก็ไม่ส่ง เราว่าไอ่พ่อแม่พวกนี้ก็สมควรที่ลูกจะ ignore จริงๆ
สรุปมันมีหลายแบบมากเถอะ แต่ละบ้านก็มีรายละเอียดแตกต่างกันไป ก็คงต้องดูและ judge กันเป็นเคสๆไปน่ะ
ความคิดเห็นที่ 5
เห็นหลายคนหรือหลายที่ใช้คำว่า "กตัญญู" หรือ "ผู้มีพระคุณ"
แต่เราชอบใช้คำว่า "รัก" มากกว่า
เราส่งเงินให้แม่ใช้ทุกเดือน เพราะเรารักแม่ อยากให้แม่ได้กินอาหารดีๆอร่อยๆ อยากให้แม่ได้นอนห้องแอร์สบายๆ อยากให้แม่ได้ใช้ของดีๆ เรากลับไปหาท่านบ่อยๆ เพราะเรารักท่าน เห็นท่ายิ้มท่านหัวเราะร่าเริง เวลามีลูกหลานมาเยี่ยม เราพาท่านไปเที่ยวบ่อยๆ เพราะเห็นท่านชอบที่ได้เดินทาง ได้เปิดหูเปิดตา ที่เราทำแบบนี้มันมาจากความรัก มากกว่าคำว่ากตัญญู หรือเป็นการตอบแทนบุญคุณ
เราทำแบบนี้เพราะเรารักแม่ แค่นั้นเอง ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก
ใครจะไม่รักพ่อ-แม่ของเค้าก็เป็นเหตุผลของเค้าเอง เราไม่ต้องไปเก็บมาคิด
ปล.พ่อเราเสียไปหลายปีแล้ว เหลือแม่คนเดียว
แต่เราชอบใช้คำว่า "รัก" มากกว่า
เราส่งเงินให้แม่ใช้ทุกเดือน เพราะเรารักแม่ อยากให้แม่ได้กินอาหารดีๆอร่อยๆ อยากให้แม่ได้นอนห้องแอร์สบายๆ อยากให้แม่ได้ใช้ของดีๆ เรากลับไปหาท่านบ่อยๆ เพราะเรารักท่าน เห็นท่ายิ้มท่านหัวเราะร่าเริง เวลามีลูกหลานมาเยี่ยม เราพาท่านไปเที่ยวบ่อยๆ เพราะเห็นท่านชอบที่ได้เดินทาง ได้เปิดหูเปิดตา ที่เราทำแบบนี้มันมาจากความรัก มากกว่าคำว่ากตัญญู หรือเป็นการตอบแทนบุญคุณ
เราทำแบบนี้เพราะเรารักแม่ แค่นั้นเอง ไม่ต้องไปคิดอะไรมาก
ใครจะไม่รักพ่อ-แม่ของเค้าก็เป็นเหตุผลของเค้าเอง เราไม่ต้องไปเก็บมาคิด
ปล.พ่อเราเสียไปหลายปีแล้ว เหลือแม่คนเดียว
ความคิดเห็นที่ 1
ความคิดแตกต่างเพราะถูกเลี้ยงดูมาต่างกัน พ่อแม่ที่ตั้งใจเลี้ยงดูลูกมาดี ๆ จะได้ลูกที่ต้องการตอบแทนความรักด้วยการเอาใจใส่พ่อแม่ยามแก่ชรา (ไม่เกี่ยวว่ามีเงินมากน้อย) พ่อแม่ที่ไม่ได้เลี้ยงลูกมาหรือไม่ได้ตั้งใจจะมีก็จะได้ลูกที่ป่าวประกาศว่าไม่ได้ขอมาเกิดไม่ดูแลหรอกแก่แล้วก็ไปตามทางแก่เถอะ
โทษใครไม่ได้เลย สังคมมันเป็นเช่นนั้นเอง มีดีก็มาก มีเลวก็ไม่น้อย
โทษใครไม่ได้เลย สังคมมันเป็นเช่นนั้นเอง มีดีก็มาก มีเลวก็ไม่น้อย
แสดงความคิดเห็น
เราจำเป็นจะต้องดูแลพ่อแม่หรือให้เงินพ่อแม่ใช้ยามท่านแก่ชราหรือไม่
เราเองก็ไม่รู้นะว่าเนรคุณไหม แต่สำหรับเราคิดว่า พ่อแม่ก็คือผู้มีพระคุณและเลี้ยงดูเรามา จะให้น้อยให้มาก พอเรามีหรือพอมีก็ให้ท่านแบบไม่ต้องคิดมากหรือระแวงสงสัยอะไร เพราะเราคงไม่ได้เกิดมาบนโลกนี้เองและเติบโตมาจนประสบความสำเร็จด้วยตนเองเป็นแน่แท้ จริงอยู่ที่บางทีเราได้ดีกว่าพ่อแม่ ได้ทำงานที่ดี มีเงินมีชื่อเสียง แต่เบื้องหลังจริงๆ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนเลย คือ "พ่อแม่" คงจะไม่มีใครหรอกนะที่เกิดมาแล้วก็หากินเอง เลี้ยงดูตนเองจนโตมาได้